Topic

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ต้นแบบการนำกลยุทธ์ความยั่งยืนไปพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยี (บทความ)

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ต้นแบบธุรกิจเทคโนโลยีจากการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน พัฒนานวัตกรรมในกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพพนักงานควบคู่กัน

หลายธุรกิจได้เริ่มกระบวนการดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชั่น ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มมาพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภคให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจให้สูงขึ้น ซึ่งการเกิดดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชั่นเป็นปัจจัยให้เกิดการลงทุนด้านไอทีและเทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์ทรานส์ฟอร์เมชั่นในธุรกิจส่วนใหญ่จึงมุ่งเน้นไปที่ความชำนาญด้านดิจิตอลทั้งในเรื่องของความสัมพันธ์ การปฏิบัติงาน และสินค้าหรือบริการที่มีฐานมาจากข้อมูล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ร้านค้า โรงแรม หรืออุตสาหกรรมบริการบางประเภทใช้การผสมผสานกันของเทคโนโลยี Mobility, Big Data และ Smart Cloud เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เชื่อว่าในไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีองค์กรจำนวนมากหันมาทำเรื่องดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชันในระดับที่เข้มข้นขึ้น และสร้างผลกระทบอย่างมากกับอุตสาหกรรมต่างๆ

บมจ. เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น (MSC) คือผู้ให้บริการไอทีที่เป็นต้นแบบธุรกิจเทคโนโลยีซึ่งประสบความสําเร็จจากการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน โดยนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพพนักงานควบคู่กันไป บริษัทมีสินค้าทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงโซลูชันต่างๆ ในการออกแบบเพื่อตอบสนององค์กรและธุรกิจของลูกค้า ซึ่งสร้างความพึงพอใจสูงสุดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับธุรกิจ

ในการวิเคราะห์ปัญหาและประเด็นที่สำคัญทางธุรกิจ คุณกิตติ เตชะทวีกิจกุล รองประธานกรรมการ บมจ. เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น (MSC) กล่าวว่าบริษัทพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนโดยใช้เครื่องมือ Materiality Assessment ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ช่วยให้ MSC สามารถมองเห็นผลกระทบหรือปัจจัยที่อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจ หรือความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเติบโต เครื่องมือนี้ช่วยลำดับความสำคัญของประเด็นผลกระทบให้บริษัทนำไปทำงานง่ายขึ้น ซึ่งประเด็นสำคัญมี 3 ด้านคือ

  1. การดูแลและรักษาพนักงาน : สถิติของบริษัทพบว่าพนักงานที่อายุงาน 1-2 ปีมีอัตราการลาออกสูง ทำให้บริษัทเสียค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมสร้างทักษะอย่างเสียเปล่า
  2. คุณภาพสินค้าและบริการ : ถ้าให้บริการหรือส่งมอบสินค้าที่ไม่ดี ลูกค้าก็จะไม่ซื้อสินค้าต่อเนื่อง ผสมผสานกับการบริหารความเสี่ยง
  3. การส่งเสริมนวัตกรรมในกระบวนการธุรกิจ : ต้องสรรหานวัตกรรมเทคโนโลยีมาตอบโจทย์การทำธุรกิจของลูกค้า ให้สามารถทำงานได้สะดวกขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น

MSC จึงมีกลยุทธ์ออกมา 5 เรื่องเพื่อป้องกันประเด็นสำคัญทางธุรกิจที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงและยั่งยืนคือ

  1. Digital Transformation Excellence : เนื่องจากทุกองค์กรต้องการเสริมสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ MSC จึงเตรียมตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงแบบทันท่วงที ทำให้ลูกค้าของเรากลับมาซื้อซ้ำมากกว่า 90%
  2. Product Excellence : MSC ได้ทดสอบนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนนำมาเสนอลูกค้า พิสูจน์ให้เห็นว่าสินค้าเหล่านั้นใช้งานได้ดี และใช้งานได้จริง
  3. People Excellence : บริษัทตระหนักว่าพนักงานเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุด จึงดูแลพนักงานเป็นอย่างดีเรื่องสุขภาพ สภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน และเพิ่มทักษะการทำงานอย่างสม่ำเสมอ จัดให้มี “MSC Academy” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความก้าวหน้าในอาชีพ สิ่งเหล่านี้ทำให้อัตราการลาออกของพนักงานลดลงจาก 15% เหลือไม่ถึง 10%
  4. Customer Retention Excellence : บริษัทดูแลลูกค้าโดยสำรวจความต้องการลูกค้าอยู่สม่ำเสมอก่อนจะนำเสนอสินค้าและบริการ ซึ่งทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ในปีล่าสุดสถิติความพึงพอใจของลูกค้าสูงมากกว่า 90%
  5. Corporation Excellence : MSC มีหน่วยงานทำหน้าที่สื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร ให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันและเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับพนักงาน พนักงานกับพนักงาน พนักงานกับลูกค้า ลูกค้ากับบริษัท ซึ่งช่วยลดข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ท้ายสุดเมื่อถามว่า ทำไมธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน MSC คุณกิตติ จึงย้ำว่า "การทำธุรกิจสมัยนี้ไม่ใช่หาเงินเข้ากระเป๋าเพียงอย่างเดียวและเก็บไว้ใช้คนเดียว" เราไม่สามารถทำธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อมได้ ผมคิดว่าการทำให้องค์กรยั่งยืนนั้นให้ผลดีกับบริษัทเกิน 100% เมื่อทุกคนรู้ว่าเราทำธุรกิจอย่างมี ธรรมภิบาล ทุกคนก็อยากทำธุรกิจร่วมกับเราและสนับสนุนเรา ถ้าเราไม่ทำเรื่องเหล่านี้ ต่อไปในอนาคตบริษัทก็ไม่สามารถทำงานหรือทำธุรกิจกับใครได้แน่นอน

Click ดูวิดีโอคลิปเพิ่มเติม