Topic

บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) ต้นแบบการนำกลยุทธ์ความยั่งยืนไปพัฒนาธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก (บทความ)

บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) ต้นแบบธุรกิจผู้ผลิตพลาสติกสู่ความยั่งยืนจากการวิเคราะห์ประเด็นสำคัญทางธุรกิจนำมาสู่การการปรับ Business Models พัฒนานวัตกรรมพลาสติกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอบรับกระแสที่เปลี่ยนแปลงของโลก

ปัญหาด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกตื่นตัวและหันมาให้ความสนใจกันอย่างจริงจัง ประกอบกับประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการรายงานว่า ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลมากเป็นอันดับ 6 ของโลก คิดเป็นปริมาณขยะพลาสติกประมาณ 1.3 ล้านตันต่อปี ทำให้รัฐบาลไทยตั้งเป้าเลิกใช้ถุงพลาติกถาวรในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยเริ่มรณรงค์ลดใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 จนกลายเป็นกระแสให้ผู้คนออกมาขานรับนโยบายกันถ้วนหน้า มาลองคิดกันว่า ถ้าพลาสติกหายไป ผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบอะไร

การประกาศงดให้ถุงพลาสติกของห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ ที่มีสาขารวมกว่า 24,500 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ทำให้โรงงานผลิตถุงพลาสติกหลายรายได้รับผลกระทบทันทีจากออร์เดอร์ที่หายไปของผู้ค้าปลีกรายใหญ่เนื่องจากปรับตัวไม่ทัน ผู้ผลิตรายเล็กส่อเค้าปิดกิจการกว่า 400 แห่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแรงงานภาคการผลิตอีกกว่า 7,000 คนทั่วประเทศ

บมจ. ทีพีบีไอ (TPBI) เป็นต้นแบบผู้ผลิตพลาสติกที่ประสบความสําเร็จเรื่องการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน มีการวิเคราะห์ประเด็นสำคัญทางธุรกิจที่นำไปสู่นวัตกรรมพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถปรับตัวรับกระแสต่อต้านและลดการใช้พลาสติก ตัวองค์กรเองนับเป็นผู้นำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจรระดับโลก มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล และให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีการใช้กลยุทธ์ Transformation ตั้งแต่การคิดค้นผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ดีขึ้น

คุณสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “บริษัทได้วิเคราะห์ปัญหาและพยายามระบุประเด็นที่สำคัญทางธุรกิจออกมา ด้วยเครื่องมือ Materiality Assessment เพื่อหาว่าเรื่องอะไรบ้างที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ หรือจะกลายเป็นอุปสรรค หรือความเสี่ยง ที่ส่งผลต่อการเติบโตของบริษัท ซึ่งพบว่าการต่อต้านใช้ถุงพลาสติกจากทั้งภาครัฐและผู้บริโภค ถือเป็นประเด็นร้อนและเป็นอุปสรรคสำคัญ บริษัทจึงคิดกลยุทธ์แก้ปัญหาเรื่องนี้ไว้ 3 แนวทาง”

  1. คิดค้นโครงการ“วน” เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้ตระหนักรู้ว่า พลาสติกสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ โดย TPBI ได้ทำจุด Drop Point ตามสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทยกว่า 300 จุดให้ประชาชนนำพลาสติกที่ไม่ใช้แล้วมาทิ้ง โดยบริษัทไปรับพลาสติกเหล่านั้นกลับมา Recycle ผลิตเป็นถุงใหม่ โครงการ ”วน” ในวันนี้สามารถลดขยะพลาสติกได้มากกว่า 30 ตัน
  2. พัฒนานวัตกรรมการผลิต ที่ใช้พลาสติกน้อยลง แต่คงคุณภาพเหมือนเดิมหรือดีขึ้น ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติดี เป็นถุงพลาสติกที่แข็งแรงและเหนียวพิเศษ ช่วยลดใช้ทรัพยากร ซึ่งได้รับผลตอบรับจากลูกค้าดีมาก มียอดสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ในปีที่ผ่านมา สามารถเพิ่มยอดขายได้ 30 %
  3. ขยายการผลิตไปสู่บรรจุภัณฑ์กระดาษ เพื่อลดผลกระทบยอดขายพลาสติกที่จะลดลงในอนาคต เช่น ผลิตถุงกระดาษใช้ในศูนย์การค้า ร้านเบเกอรี่ ซึ่งบรรจุภัณฑ์กระดาษนี้ช่วยเพิ่มยอดขายให้บริษัท 500 ล้านบาทต่อปี

 

เมื่อถามว่าทำไมต้องพัฒนาธุรกิจเพื่อสู่ยั่งยืน คุณสมศักดิ์บอกว่า “ผมอยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ ร่วมอุตสาหกรรมให้หันมาตระหนักและให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร เพราะสิ่งที่ TPBI ทำมานั้น เราพิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจและองค์กร ช่วยลดความเสี่ยงและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เห็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้เรามียอดขายและมั่นคงทางการเงินขึ้น คู่ค้าเราก็มีความเชื่อมั่นที่ได้ค้าขายกับเรา พนักงานก็มีความสุขที่ได้เติบโตไปพร้อมกับองค์กร และสุดท้ายคือสิ่งแวดล้อมก็ดีขึ้นจากการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบของเรา ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ”

Click ดูวิดีโอคลิปเพิ่มเติม